จากความสำเร็จของไก่พม่าบนสังเวียนการแข่งขันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่มีการแข่งขันชิงชัยเดิมพันด้วยเงินรางวัลและศักดิ์ศรีของไก่ชนทั้งสองสายพันธ์ ระหว่างไก่พม่ากับเชิงเหล่าป่าก๋อย กลายเป็นคู่ปรับคู่แค้นกันมาเกือบทุกรายการแข่งขัน เมื่อเทียบความเก่งและฝีมือต่างมีดีกันคนละอย่าง แต่หากลองมองดูอย่างถี่ถ้วนกลับพบว่าแม้จะเก่งสักแค่ไหนแต่ทั้งสองสายพันธ์มีจุดอ่อนที่เหมือนกันนั้นคือ “ดวงตา”
ว่าด้วยเรื่องแผลตีขอ " ไก่ชน" ที่อันตรายนั้นมีอยู่หลายจุดสำคัญ ซึ่งแต่ละจุดก็สร้างความเจ็บปวดและอันตรายให้กับคู่ต่อสู้ได้มากน้อยต่างกัน แต่หากโดนเข้าจุดสำคัญ อาทิแผลหู แผลกระเดือก แผลหลัง เจ้าของไก่ชนก็เตรียมกุมขมับกันได้เลยเพราะแก้ไขยาก แต่แผลที่แก้ไขยากและยกให้เป็นแผลตีที่สุดอันตรายในชั่วโมงนี้ คงหนีไม่พ้น “แผลตีตา” หรือ “แผลวงแดง” แผลนี้แม้ว่าไก่ชนจะเก่งกาจแค่ไหนเจอแบบนี้เข้าไปก็จอดแทบจะทุกตัว เพราะสูญเสียการมองเห็น จะแข้งหนัก หรือแทงจัด อาวุธแข้งครบเครื่องหรือคมแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ เพราะความแม่นย้ำจะลดลงทันที หากเจอแผลนี้เซียนจึงต้องรีบออกตัวกันให้เป็นด้วย
“แผลตีตา” หรือ “แผลวงแดง” พันธุกรรมที่ถูกถ่ายทอดจากสายเลือดหรือสายพันธ์ไก่ชนที่แม่นวงแดงโดยเฉพาะ แม้ไก่สายพันธ์พม่าจะขึ้นชื่อเรื่องแผลวงแดง แต่ใช่ว่า "ไก่พม่า" จะแม่นตาหรือตีวงแดงได้ทุกตัว ทั้งหมดต้องเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมทั้งสิ้น เพราะเป็นลักษณะของแผลตีแบบเฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่เรามักจะเข้าใจกันมาตลอดว่าแผลวงแดงมักจะเป็นไก่พม่าเท่านั้น แต่ในสายพันธ์ "ไก่เหล่าป่าก๋อย" เองแผลวงแดงก็มีให้เห็นเหมือนกันเพียงแต่อาจจะน้อยกว่าหากเทียบกับ "ไก่พม่า" เพราะธรรมชาติของไก่ชนเหล่าป่าก๋อยมักจะตีแผลใหญ่ คือแผลบริเวณลำตัว แผลซอก แผลหลัง โอกาสที่ตีแผลตาคู่ต่อสู้จึงน้อยมาก ยกเว้นไก่เหล่าป่าก๋อย หรือไก่เชิงที่มีแข้งหน้า ใช้ต่อจัดก็สร้างความน่ากลัวได้ไม่ต่างจากไก่พม่าเช่นกัน แต่หากนำมาเทียบกับไก่พม่าที่ชอบตีแข้งเปล่าเป้าบริเวณใบหน้า หรือวงแดง โอกาสที่โดนตีหรือกระทบตาไก่พม่าจึงสร้างความอันตรายได้น่ากลัวกว่า การพัฒนาไก่พม่าแม่นวงแดง จึงเป็นอีกทางเลือกของนักพัฒนา หรือคนรักไก่ชนที่ควรเน้นเพื่อการคว้าชัยชนะ สำหรับทุกเกมการแข่งขัน โชคดีมีไก่เก่งกันทุกท่านครับ
ข้อมูลภาพ : บอย สนามกีฬาไก่ชนเทิดไท