
เปรียบไก่ชนยังไงให้ได้เปรียบ 5 ปัญจัยสำคัญที่อย่าพลาด
ในการชนไก่ การเปรียบไก่ชน (การจับคู่ไก่ก่อนลงสนาม) ถือเป็นขั้นตอนสำคัญมากที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ไก่ของเราคว้าชัยชนะได้สูงขึ้น ผู้เลี้ยงไก่ชนที่ดีควรเปรียบไก่ด้วยความรอบคอบและใจเย็น ไม่ปล่อยให้ไก่ของเราต้องเสียเปรียบคู่ต่อสู้อย่างเด็ดขาด หากเราเสียเปรียบด้านหนึ่ง ก็ควรหาอย่างน้อยอีกด้านหนึ่งที่เราได้เปรียบเขาเสมอ หลักชั้นเชิงในการเปรียบไก่ของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปมีปัจจัยสำคัญหลายอย่างที่ต้องพิจารณา ได้แก่ อายุ ผิวพรรณ รูปร่าง ส่วนสูง และสกุลไก่ เป็นต้น ซึ่งบทความนี้จะอธิบายแต่ละปัจจัยอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้คุณ เปรียบไก่ชนให้เป็น และเพิ่มโอกาสชนะในการชนไก่อย่างมีชั้นเชิง
หลักการสำคัญในการเปรียบไก่ก่อนชน มีปัจจัยที่ควรพิจารณาหลักๆ ดังนี้:
-
อายุไก่ชน: ควรเลือกไก่คู่ต่อสู้ที่อายุไล่เลี่ยใกล้เคียงกับไก่ของเรา ไก่วัยหนุ่มไม่ควรชนกับไก่อายุมากกว่าหรือไก่ถ่ายเต็มวัย เพราะไก่ที่อายุมากกว่าจะมีความได้เปรียบหลายด้าน (เช่น หนังหนา กระดูกแข็งแรง เป็นต้น)
-
สภาพผิวและความแกร่งของหนัง: สังเกตผิวพรรณของไก่คู่ต่อสู้ หากเขามีผิวหนังที่หนาแดงและหยาบกร้าน (“ผิวมะกรูด”) แสดงว่าเป็นไก่ที่ผ่านการชนมามาก หนังเหนียวทนเจ็บ ทำให้เอาชนะแบบแตกหักได้ยากกว่า
-
รูปร่างและน้ำหนัก: เปรียบเทียบน้ำหนักและสรีระรูปร่างของไก่ทั้งสองตัวให้ใกล้เคียงกัน ตรวจดูความยาวลำตัว ความกว้างของอก สะโพก ปั้นขา คอ ฯลฯ อย่าให้ฝ่ายตรงข้ามมีโครงสร้างใหญ่กว่าของเรามากจนเกินไป แม้น้ำหนักเท่ากันแต่ถ้าตัวเขาใหญ่กว่าจะทำให้เราเสียเปรียบได้
-
ส่วนสูงและเชิงชน: ความสูงของไก่ควรเปรียบเทียบตามเชิงการชนของไก่เรา ถ้าไก่เราถนัดตีบน (โจมตีจากด้านบนใส่หัวคู่ต่อสู้) ก็ควรหาไก่คู่ต่อสู้ที่เตี้ยกว่าเล็กน้อย แต่หากไก่เราชอบมุดตีเข้าลำตัวหรือสู้คาง (โจมตีใต้คางคู่ต่อสู้) ก็ควรเลือกคู่ต่อสู้ที่สูงกว่าเราเล็กน้อย
-
สกุลไก่และลักษณะพิเศษ: ดูลักษณะสายพันธุ์ สีสัน เกล็ดแข้ง และรูปร่างหน้าตาของไก่คู่ต่อสู้ว่ามีลักษณะเข้าข่ายไก่เก่งตามตำราหรือไม่ ไก่บางตัวมีลักษณะต้องตามตำราโบราณทุกอย่าง ก็ควรเพิ่มความระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงหากเป็นไปได้ เพราะอาจหมายถึงไก่ตัวนั้นเก่งกาจหรือสืบเชื้อสายมาจากสายพันธุ์ชั้นยอด
ด้านล่างนี้เป็นรายละเอียดในแต่ละข้อข้างต้น พร้อมคำแนะนำและเทคนิคการเปรียบไก่ชนอย่างเข้าใจง่าย เพื่อให้คุณนำไปปรับใช้ได้จริงในการชนไก่ครั้งต่อไป
อายุของไก่ชน: เลือกวัยให้เหมาะสม
อายุเป็นปัจจัยอันดับแรกที่ต้องพิจารณาในการเปรียบไก่ ก่อนตกลงชนควรเลือกคู่ต่อสู้ที่อายุใกล้เคียงกับไก่ของเรา เพราะไก่ที่วัยต่างกันมากมักทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบอย่างชัดเจน โดยเฉพาะหากไก่ของเราเป็นไก่หนุ่ม (อายุน้อยและยังไม่เคยผลัดขนหรือยังไม่มีประสบการณ์มาก) ก็ควรหลีกเลี่ยงการนำไปชนกับไก่ถ่ายหรือไก่อายุมากที่ผลัดขนแล้วเต็มวัย เนื่องจากไก่ถ่ายมักมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าไก่หนุ่มหลายด้าน เช่น:
-
มีผิวหนังที่หนาและเนื้อแดงจากการบำรุงดี ทำให้ทนต่อบาดแผลได้มากกว่า
-
เดือยยาวและแหลมคม (บางตัวผ่านการแต่งเดือยมาแล้ว) ใช้โจมตีได้รุนแรงกว่าไก่เดือยสั้นวัยหนุ่ม
-
ขนขึ้นเต็มที่ แข็งแรง เงางาม (“น้ำขนแข็งเป็นมัน”) บ่งบอกถึงสุขภาพและพละกำลังที่สมบูรณ์
-
เกล็ดแข้งที่ขาแห้งแตกหยาบเล็กน้อย อันเป็นลักษณะของไก่ที่ผ่านการผลัดขนและอายุมากขึ้น (เกล็ดแข้งบางอันอาจผลัดยังไม่หมด)
-
โครงสร้างกระดูกใหญ่และแน่นหนากว่า ทำให้ร่างกายแข็งแรง รับแรงปะทะและทรงตัวได้ดีกว่า
-
ผ่านการชนสนามมาแล้ว มีประสบการณ์และความทรหดอดทนสูง “ตียุบยาก” คือโดนตีหนักก็ยังไม่ล้มง่าย มีความอึดสู้งาน ถ้ายืดเยื้อไก่หนุ่มมักจะแผ่วก่อน

จากลักษณะข้างต้นจะเห็นว่าไก่ถ่ายหรือไก่อายุมากกว่ามีความได้เปรียบชัดเจนในเกมยืดเยื้อ หากไก่หนุ่มของเราต้องไปเจอ ไก่เราจะเหนื่อยล้าและเสียเปรียบในระยะยาวแน่นอน ดังนั้น ถ้าไก่เราอายุยังน้อย ควรมองหาคู่ชนที่อายุไล่เลี่ยกัน (เป็นไก่หนุ่มเช่นกัน) เพื่อให้ต่อกรกันสูสี ไม่ถูกความแข็งแกร่งตามวัยของอีกฝ่ายกดดันจนเกินไป
แต่หากไก่ของเราเป็นไก่ถ่ายที่เต็มวัยแล้ว กรณีนี้เรื่องอายุอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ไก่ถ่ายสามารถชนกับไก่หนุ่มหรือไก่ถ่ายด้วยกันก็ได้ ตรงนี้ผู้เลี้ยงอาจพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆ ประกอบเพิ่มเติม เช่น น้ำหนักและฝีมือการชน อย่างไรก็ตาม โดยมารยาทและความแฟร์ ก็ควรเลือกชนกับไก่ที่อายุอยู่ในช่วงใกล้เคียง จะดีที่สุดต่อทั้งสองฝ่าย
วิธีสังเกตอายุไก่คู่ต่อสู้: หากไม่ทราบแน่ชัดว่าไก่ของอีกฝ่ายหนุ่มหรือแก่ สามารถสังเกตได้จากลักษณะบางประการ ได้แก่ ดูที่เดือยไก่ก่อน – ไก่อายุมากมักมีเดือยยาวแหลม หรือถ้าเดือยถูกตัดแต่งเป็นทรงเฉียง (ปากฉลาม) ก็แปลว่าเดือยเขาโตเต็มที่แล้ว ในขณะที่ไก่วัยหนุ่มเดือยจะสั้นกว่า โคนเดือยยังไม่แข็งเต็มที่ (จับแล้วเดือยโยกได้นิดหน่อย) และปลายเดือยไม่แหลมมาก นอกจากนี้ให้ลองดูที่เกล็ดแข้งและขนของไก่คู่ต่อสู้ร่วมด้วย ไก่ถ่ายที่อายุดีมักมีเกล็ดแข้งแห้งแข็งเป็นสัน แลเห็นรอยต่อร่องเกล็ดชัดเจน หรืออาจมีเกล็ดบางอันล่อนผลัดอยู่ ส่วนขนไก่ที่ผ่านการผลัดจะเห็นขนใหม่แซมกับขนเก่าบางส่วน (เช่น ขนหางมีทั้งเส้นใหม่เส้นเก่า สีขนจะด่างไม่สดสม่ำเสมอทั้งหมด) หากพบลักษณะเหล่านี้ก็พออนุมานได้ว่าไก่ตัวนั้นอายุไม่น้อยแล้ว เราควรพิจารณาให้รอบคอบว่าจะชนด้วยหรือไม่
สภาพผิวหนังและความแข็งแกร่ง: ผิวบาง vs ผิวมะกรูด
ผิวพรรณของไก่ชนเป็นอีกเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องดู ทุกซุ้มมักบำรุงดูแลผิวไก่เป็นอย่างดีเพื่อให้หนังเหนียวทนทานต่อการถูกตี ไก่ชนเก่งๆ มักมีคำกล่าวถึงลักษณะผิวว่า “เนื้อแดง หนังหนา ผิวมะกรูด” ซึ่งหมายถึงเนื้อใต้ผิวหนังมีสีแดงเลือดฝาด สุขภาพดี หนังหนาและผิวหยาบเหมือนผิวมะกรูด (ส้มโอมือ) ไก่ที่มีผิวหนังลักษณะนี้จะได้เปรียบในการชนมาก เพราะเมื่อถูกตีหรือเกิดบาดแผล แผลจะหายหรือสมานเร็ว (ไม่เห่อบวมหรือเปิดแผลนาน) และทนทานต่อแรงตีได้ดี กล่าวง่ายๆ คือหนังเหนียว เจ็บยาก ไก่ชนประเภทนี้ส่วนใหญ่ผ่านสนามชนมาอย่างโชกโชน เคยโดนตีจนเจ็บมาก่อนจึงหนังหนากร้าน มีภูมิต้านทานต่อการบอบช้ำสูง
ในทางกลับกัน ไก่ที่ผิวบางหนังบาง (ผิวไม่ค่อยแดง หนังนิ่มกว่าปกติ) เมื่อต้องเจอกับไก่หนังหนาจะเสียเปรียบชัดเจน เพราะโดนแข้งตีเพียงไม่กี่ทีผิวหนังก็อาจเห่อบวม แผลแตกง่ายและบวมช้ำมากกว่า สังเกตได้ว่าไก่หนังบางเวลาโดนตีที่หน้า หนังหน้ามักจะฉีกแตกหรือบวมปูดง่าย ในขณะที่มีคำกล่าวว่า "ไก่เก่งหนังหน้าไม่เคยแตก" หมายถึงไก่ที่เก่งจริงๆ นั้นหนังหน้าจะเหนียวแน่น โดนตีอย่างไรก็ไม่แตกง่าย ดังนั้นเราควรระวังหากต้องเปรียบเจอไก่คู่ต่อสู้ที่ผิวพรรณดูหนากร้านกว่าไก่ของเราอย่างเห็นได้ชัด
วิธีเปรียบเทียบผิวพรรณ: ใช้การสังเกตด้วยสายตาเป็นหลัก ให้ดูที่สีผิวและสภาพผิวบริเวณลำตัว คอ หน้าอก รวมถึงใบหน้าของไก่คู่แข่งว่าแดงจัดและหยาบกร้านกว่าของเราหรือไม่ ถ้าหน้าตาผิวพรรณเขาดูแก่กร้าน หนังหนากว่า นั่นแปลว่าเขาผ่านศึกมามากและจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เอาชนะได้ยากขึ้น ในกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะชนกับไก่ที่ผิวหนังเหนียวกว่าไก่เรา ผู้เลี้ยงควรเตรียมใจว่างานนี้ไก่เราจะตีคู่ต่อสู้ให้บอบช้ำได้ยากกว่าปกติ และต้องอาศัยความรวดเร็วหรือชั้นเชิงอื่นๆ เข้าช่วยมากขึ้น แต่ทางที่ดีที่สุดคือพยายามเลือกคู่ชนที่สภาพผิวสูสีกัน จะทำให้เกมชนยุติธรรมและมีโอกาสชนะสูงกว่า
รูปร่างและน้ำหนัก: เปรียบโครงสร้างร่างกายให้สูสี
แม้ว่าการชนไก่จะจัดแบ่งตามน้ำหนักเป็นหลัก แต่เฉพาะตัวเลขน้ำหนักอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะบอกความได้เปรียบเสียเปรียบในการชนจริง เราต้องพิจารณารูปร่างโครงสร้างของไก่คู่ต่อสู้ประกอบด้วย การ จับตัวไก่ ของฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนจึงเป็นสิ่งจำเป็น ในขั้นตอนการเปรียบไก่ คุณควรได้รับอนุญาตให้จับตัวไก่ของอีกฝ่าย (และเขาจับของเรา) เพื่อเปรียบเทียบสัดส่วนต่างๆ ดังนี้:
-
ความยาวลำตัวและขนาดลำตัว: ดูว่าลำตัวยาวพอๆ กันหรือไม่ และความหนากว้างของลำตัวใกล้เคียงกันหรือเปล่า ไก่ที่ลำตัวยาวหรืออกกว้างใหญ่กว่าย่อมได้เปรียบในแง่แรงปะทะและความอึด
-
ขนาดโครงกระดูกและกล้ามเนื้อ: ข้อนี้สังเกตได้จากการจับถือไก่ ถ้าไก่คู่ต่อสู้มีกระดูกที่ใหญ่แน่น (จับแล้วรู้สึกแข็งแรง มือเราสัมผัสได้ถึงกระดูกที่ขนาดโต) มีกล้ามเนื้อแน่นโดยเฉพาะบริเวณคอและลำตัว แสดงว่าไก่ตัวนั้นมีพละกำลังดีและทนทานต่อแรงปะทะสูง
-
หัวไหล่และแผ่นหลัง: เปรียบความกว้างของไหล่และหลัง หากไก่อีกฝ่ายไหล่กว้างหลังใหญ่กว่าไก่เรา เขาจะได้เปรียบเรื่องแรงส่งเวลาออกอาวุธ และทนต่อแรงตีของเราได้ดีกว่า
-
ความหนาของข้อขาและปั้นขา: (ปั้นขาคือส่วนต้นขาของไก่) ให้ดูว่าข้อขาและต้นขาของอีกฝ่ายใหญ่มีกล้ามเนื้อมากน้อยเพียงใด ข้อขาใหญ่จะส่งพลังการตีได้หนักหน่วงกว่า ขณะที่ปั้นขาใหญ่แสดงถึงกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง ออกแข้งได้รวดเร็วรุนแรง ไก่ที่ปั้นขาและแข้งขาใหญ่กว่ามากจะได้เปรียบเรื่องพลังโจมตี
-
ความยาวคอและปีก: คอยาวจะช่วยให้ไก่ยืดตัวได้สูงและได้ระยะเปรียบเวลาโดดตี ส่วนปีกที่ยาวและแข็งแรงช่วยในการทรงตัวและกระพือพุ่งตัวได้ดีในอากาศ
ในการเปรียบรูปร่างนี้ หลักสำคัญคืออย่าให้ส่วนสำคัญของคู่ต่อสู้ใหญ่กว่าของเรามากจนเห็นได้ชัด เพราะนั่นหมายถึงศักยภาพด้านพละกำลังหรือความได้เปรียบเชิงกายภาพของเขามากกว่าเรา ตัวอย่างเช่น หากจับดูแล้วพบว่าอีกฝ่ายกระดูกใหญ่แน่น แข้งขาโต ลำตัวหนากว่าไก่เรามาก แม้น้ำหนักเท่ากันก็ถือว่าเราเสียเปรียบเรื่องพละกำลังความทนทาน ให้ระวังไก่รูปร่างใหญ่แต่ทำน้ำหนักมาดีน้ำหนักน้อย เช่น ไก่สายพันธุ์เวียดนาม (ไซ่ง่อน) หรือสายพันธุ์ไต้หวันบางตัว โครงสร้างร่างกายเขาอาจใหญ่โต กระดูกหนา แต่รีดน้ำหนักตัวมาพอดีเกณฑ์ชน ทำให้เวลาชั่งก็ผ่านเกณฑ์น้ำหนักเดียวกับไก่เรา แต่พอลงสังเวียนจริงเขาจะตัวใหญ่และหนักแน่นกว่า ไก่ลักษณะนี้จะอึดและตีเราได้แรงโดยที่เราทำอะไรเขาได้ยาก
ดังนั้นในการเปรียบไก่ น้ำหนักต้องใกล้เคียงและรูปร่างต้องสูสี คือตัวไม่เล็กหรือใหญ่กว่ากันจนเกินไป ถ้าไก่เราโครงสร้างเล็กกว่าแต่ดันหนักเท่ากัน (อาจมีไขมันหรือโครงสร้างกระดูกเล็กกว่า) เราก็ควรคิดให้ดี เพราะพละกำลังจริงๆ ของเราน้อยกว่าแน่นอน เว้นแต่ไก่เราจะมีชั้นเชิงฝีมือแพรวพราวกว่าอย่างชัดเจนจึงพอจะแลกได้ แต่โดยทั่วไปหากพบว่าโครงสร้างเราเสียเปรียบมาก ควรหลีกเลี่ยงการชนครั้งนั้นจะดีกว่าเพื่อป้องกันไก่ของเราเองไม่ให้บอบช้ำเกินควร

ส่วนสูงและเชิงชน: สูงตีหัว ต่ำตีคาง
ส่วนสูงของไก่ชนเมื่อเปรียบเทียบ ต้องดูควบคู่กับเชิงในการชนของไก่เราด้วย ไก่แต่ละตัวถนัดการออกอาวุธในระยะและท่าทางที่ต่างกัน การเลือกคู่ต่อสู้ที่ส่วนสูงเหมาะสมกับเชิงไก่เราจะช่วยให้ไก่เราใช้ความถนัดได้เต็มที่ มีโอกาสชนะมากขึ้น โดยหลักๆ มีแนวทางดังนี้:
-
หากไก่ของเราชอบตีบน หรือถนัดออกอาวุธใส่ช่วงหัวและหลังของคู่ต่อสู้ (บางตัวบินตี บางตัวแทงหัวเป็นหลัก) เราควรเปรียบให้ไก่เรา สูงกว่าหรืออย่างน้อยสูงเท่า ไก่คู่ต่อสู้ เพราะความสูงที่มากกว่าจะทำให้ไก่เรายืนเหนือกว่า เล็งตีหัวคู่แข่งได้ถนัดและรุนแรงกว่า หากเราเอาไก่ตีบนไปชนกับไก่ที่สูงกว่า โอกาสออกอาวุธใส่จุดสำคัญจะทำได้ยากลง อาจเสียเปรียบเชิงไปโดยปริยาย
-
หากไก่ของเราชอบมุดต่ำหรือชอบตีตุ้มตีคาง (คือมุดตีเข้าลำตัวด้านล่างหรือตีเข้าช่วงคาง-คอคู่ต่อสู้จากด้านล่าง) กรณีนี้กลับกัน เราควรเลือกคู่ต่อสู้ที่ สูงกว่าไก่เราเล็กน้อย ให้ไก่เราเป็นฝ่ายเตี้ยกว่า เพราะไก่ที่เตี้ยกว่าจะมุดเข้าใต้ง่ายกว่า ลอดขึ้นตีคางตีอกคู่ต่อสู้ได้ถนัด ไก่ลักษณะนี้ถ้านำไปชนกับไก่ที่เตี้ยกว่า ตัวเราเองที่เตี้ยอยู่แล้วจะเสียเปรียบเพราะเข้าไม่ถึงคางคู่แข่ง ช่วงตัวที่สั้นกว่าอาจทำให้ตีไม่ถนัด
ระวังกลโกงเรื่องส่วนสูง: ในสนามชนจริงบางครั้งเราอาจเจอกลเม็ดของคู่แข่งที่พยายามทำให้ไก่ตนดูเตี้ยกว่าความจริง เจ้าของบางรายจะฝึกกดหลังไก่ของตนให้ยืนย่อ (หมอบต่ำ) จน癖ติดตัว ไก่จะเคยชินกับการย่อตัวตลอดเวลา ทำให้ตอนเปรียบเทียบกัน ไก่ของเขาดูเตี้ยกว่าไก่เรา ทั้งที่ความจริงความสูงอาจไล่เลี่ยหรือสูงเท่ากันก็ได้ หากไม่สังเกตให้ดีเราอาจหลงกลคิดว่าได้เปรียบความสูงแล้ว จริงๆ พอลงชนไก่เขาอาจยืดตัวขึ้นมาเท่ากับไก่เราได้ ดังนั้นเวลาประกบไก่เปรียบส่วนสูง ควรดูท่าทางไก่คู่ต่อสู้อย่างละเอียด จะลองเชยคางไก่เขาขึ้นเล็กน้อยเพื่อดูว่าเมื่อยืดคอตรงเต็มที่แล้วสูงเท่าไร ก็เป็นวิธีตรวจสอบความสูงที่แท้จริงอีกทางหนึ่ง
กล่าวโดยสรุป เรื่องส่วนสูงเราควรพยายามเลือกคู่ชนที่ไม่ทำให้เชิงตีของไก่เราเสียเปรียบ ถ้าไก่เราถนัดตีบนก็อย่าไปชนกับตัวยักษ์ที่สูงกว่าเรามากๆ เพราะเราจะตีเขาไม่ถึงจุดสำคัญ แต่ถ้าไก่เราถนัดมุดตีล่าง ก็ไม่ควรชนกับไก่ที่เตี้ยกว่าเราเพราะเราจะหาคางเขาไม่เจอ ความสูงที่เหมาะสมจะช่วยส่งเสริมให้เชิงชนของไก่เราออกมาได้เต็มประสิทธิภาพ
สกุลไก่และลักษณะตามตำรา: อย่าประมาทไก่ลักษณะดี
“สกุลไก่” ในที่นี้หมายถึงสายพันธุ์และลักษณะสายเลือดของไก่ชน รวมถึงลักษณะพิเศษต่างๆ ที่สืบทอดมาตามสายพันธุ์ เซียนไก่ชนรุ่นเก่ามักมีตำราและความเชื่อในการดูรูปร่างลักษณะของไก่เพื่อทำนายความเก่ง ลักษณะที่มักพิจารณา เช่น สีขน, รูปหน้าและดวงตา, เกล็ดแข้งและนิ้วเท้า, ลักษณะเดือย, รวมถึงทรงเหล่า (ทรวดทรงโดยรวม) เป็นต้น หากไก่คู่ต่อสู้มีลักษณะต้องตามตำราโบราณหลายประการ อย่างที่เรียกว่า “เข้าตำราไก่เก่ง” เช่น สีสันกล้าแกร่ง, เกล็ดแข้งเป็นระเบียบมีชั้นเชิง (บางตัวมีเกล็ดพิฆาตหรือเกล็ดแปลกที่เชื่อว่าออกอาวุธร้ายแรงได้), หน้าตาดุดัน, ตาใสเป็นประกาย ฯลฯ ไก่ที่ดูทรงสกุลดีเหล่านี้มักได้รับการคาดหมายว่าเก่งหรืออย่างน้อยก็ถูกคัดมาอย่างดี เราควรระวังและไม่ประมาทเป็นอันขาด
แน่นอนว่าความเชื่อเรื่องสกุลไก่และลักษณะตามตำราอาจไม่ได้ถูกต้อง 100% เสมอไป แต่เซียนไก่หลายรุ่นสั่งสมประสบการณ์จนกลั่นกรองออกมาเป็นข้อสังเกตเหล่านี้ ดังนั้นการไม่ประมาทความเชื่อถือเป็นเรื่องสำคัญ หากเราเจอไก่คู่แข่งที่ทั้งสีดี เกล็ดดี รูปร่างดี (หล่อเข้าตำราทุกอย่าง) ก็ต้องชั่งใจว่าควรเลี่ยงจะดีกว่าหรือไม่ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ต้องเตรียมแผนรับมือให้รอบคอบกว่าเดิม เพราะมีโอกาสสูงที่ไก่ตัวนั้นจะไม่ธรรมดา
อีกอย่างที่เกี่ยวกับสกุลไก่คือ สายพันธุ์ของไก่คู่ต่อสู้ ปัจจุบันมีการผสมสายพันธุ์ไก่ชนหลากหลาย เช่น ไก่พม่า, ไก่ไทย, ไก่ไซ่ง่อน (เวียดนาม), ไก่เหล่าป่าก๋อย เป็นต้น ไก่แต่ละสายพันธุ์มีสไตล์การชนต่างกันและจุดเด่นจุดด้อยต่างกัน หากเราพอทราบว่าไก่คู่ต่อสู้เป็นสายพันธุ์อะไรและไก่เราเคยแพ้ทางสายพันธุ์นั้นหรือไม่ ก็สามารถนำมาประกอบการตัดสินใจตอนเปรียบไก่ได้เช่นกัน เช่น ไก่พม่ามักเชิงไว ออกอาวุธรวดเร็ว ถ้าไก่เราเชิงช้ากว่าและเคยแพ้ทางไก่เชิงไวมาก่อน ก็อาจไม่ควรชน เป็นต้น
สรุปแล้ว การดูสกุลไก่เป็นการใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ควบคู่กับความเชื่อดั้งเดิม เป็นอีกเกณฑ์หนึ่งในการประเมินคู่ต่อสู้ หากไก่เรายังไม่เคยเจอไก่เก่งลักษณะครบเครื่องมาก่อน ก็ไม่ควรดูเบาคู่ต่อสู้ตัวที่มีสกุลไก่ดีเด็ดขาด เพื่อรักษาโอกาสชนะของเราเอาไว้
มารยาทและทัศนคติ: ชนะให้สมศักดิ์ศรี แพ้ให้มีเกียรติ
นอกจากปัจจัยด้านร่างกายของไก่ชนแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือทัศนคติของผู้เปรียบไก่เอง ผู้เปรียบไก่ (เจ้าของหรือคนเลี้ยงที่นำไก่มาหาคู่ชน) จะต้องไม่โอ้อวดหรือมั่นใจเกินเหตุจนประมาท อย่าคิดเข้าข้างตัวเองว่าไก่ของเราเก่งที่สุดไร้เทียมทาน ไม่กลัวหน้าไหนทั้งสิ้น เพราะความคิดแบบนั้นจะทำให้เรามองข้ามจุดอ่อนบางอย่างของไก่เราและเสี่ยงต่อการเลือกคู่ชนที่เราเสียเปรียบโดยไม่รู้ตัว คนเปรียบต้องไม่เก่งกว่าไก่ หมายความว่าต้องประเมินไก่ตนเองตามความเป็นจริง รู้จักจุดแข็งจุดอ่อนของไก่ตัวเองและยอมรับเมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าในบางด้าน หากประเมินแล้วว่าสู้ไม่ได้จริงๆ ก็กล้าที่จะไม่ชน ดีกว่าฝืนชนไปแล้วไก่เราเจ็บหนักหรือเสียไก่ไป
มารยาทในการเปรียบไก่ก็เป็นเรื่องที่นักเลงไก่พึงมี เราควรให้เกียรติคู่ต่อสู้และยอมรับกติกาสนามอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การเลือกไก่มาเปรียบ ควรเลือกตัวที่ขนาดใกล้เคียงกันจริงๆ ไม่เอาเปรียบด้วยการจับคู่ไก่ที่เล็กกว่ามากเพียงเพราะหวังชนะขาด (ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดมารยาทและสนามก็มักไม่อนุญาตอยู่แล้ว) และไม่ควรดันทุรังส่งไก่เราไปชนกับไก่ที่เหนือกว่ามากๆ เพียงเพราะความคะนอง เพราะถ้าแพ้ขึ้นมาจะเสียทั้งกำลังใจและชื่อเสียง สู้แพ้อย่างมีเกียรติดีกว่าชนะอย่างไร้ศักดิ์ศรี
ในการชนไก่ทุกครั้ง ควรยึดหลัก “ชนะอย่างสมศักดิ์ศรี แพ้ก็แพ้อย่างมีเกียรติ” คือเมื่อชนะก็ให้ชนะอย่างขาวสะอาด ภูมิใจได้เต็มที่ว่าชนะด้วยฝีมือ ไม่ใช่เอาเปรียบเขา และหากต้องแพ้ก็ยอมรับผลอย่างสุภาพ ไม่โวยวายหรือกล่าวโทษใคร การรักษาสปิริตนักกีฬาและน้ำใจนักเลงเช่นนี้จะทำให้วงการไก่ชนสนุกสนานยั่งยืน และตัวเราก็ได้รับความนับถือจากผู้อื่นด้วย
สรุป: การเปรียบไก่ชนให้เป็นคือการประเมินคู่ต่อสู้ทุกด้านอย่างรอบคอบ ทั้งอายุ ผิวพรรณ รูปร่าง ส่วนสูง และสกุลไก่ ตลอดจนประเมินศักยภาพไก่ของเราเองอย่างเป็นกลาง ผู้เลี้ยงที่มีชั้นเชิงจะรู้ว่าเมื่อไรควรชน เมื่อไรควรถอย เพื่อให้ได้คู่ชนที่เหมาะสมที่สุด เมื่อเราเปรียบไก่ได้อย่างถูกต้องและยุติธรรม ไก่ของเราก็จะมีโอกาสคว้าชัยชนะในสังเวียนสูงขึ้น และถึงแม้ผลจะออกมาแพ้ชนะอย่างไร เราก็มั่นใจได้ว่าได้ทำเต็มที่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์และให้เกียรติคู่แข่งแล้ว