ช่วงนี้ภาวะระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อหลากหลายอาชีพ ไม่เว้นแม้แต่ไก่ชนก็ได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งตอนนี้แม้ว่าสถาณการณ์โดยรวมจะมีการผ่อนปรนให้บางสนามสามารถจัดกิจกรรมชนไก่ได้บ้าง แต่ภาครัฐเองก็ยังคงมีมาตรการที่เข้มงวดให้ทุกสนามปฎิบัติตามข้อกำหนดแบบ New normal กันอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันโรคระบาดที่อาจกลับมาระบาดได้อีกครั้ง ระหว่างนี้ ทีมงานไก่ชนออนไลน์ก็อยากจะมาวิเคราะห์วิจารย์เรื่องไก่ชนให้ได้ติดตามกันเช่นเคย โดยเฉพาะในรอบหลายปีที่ผ่านมา ไก่ชนพม่าค่อนข้างที่จะโดดเด่นเป็นอย่างมากหากเทียบกับไก่ชนเหล่าป่าก๋อยที่ถือเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมายาวนาน เหตุไดไก่พม่าถึงได้โดดเด่นต่อเนื่อง และเหตุไดไก่เหล่าป่าก๋อยไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร อะไรคือปัจจัยความล้มเหลวในรอบปีที่ผ่านมา ทีมงานไก่ชนออนไลน์ มีประเด็นข้อสังเกตุมาให้ได้ติดตามกันเช่นเคย
ไก่เหล่าป่าก๋อยไม่ยกระดับแผลตี ผลงานของไก่ชนเหล่าป่าก๋อยในหลายปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะแพ้มากกว่าที่จะชนะ เมื่อต้องเจอกับคู่ปรับอย่างไก่พม่า แม้ว่าจะมีชนะบ้างแต่โดยรวมหากมาลองวิเคราะห์หาจุดแข็งจุดอ่อนกันอย่างตรงไปตรงมา จะเห็นว่าไก่เหล่าป่าก๋อยมักจะแพ้แผลตีของไก่พม่าที่แม่นคมกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไก่พม่ามักจะออกตีแข้งเข้าจุดสำคัญๆ ได้มากกว่าไก่เหล่าป่าก๋อย แม้ว่าไก่เหล่าป่าก๋อยจะมีลูกมุทะลุดุดัน เดินหน้าเข้าใส่ แต่ก็มักจะวิ่งเข้าทางแข้งไก่พม่า ที่มีเชิงชนแบบฉวยโอกาสได้ดีมากกว่า ส่วนนึงที่ทำให้ไก่เหล่าป่าก๋อยไม่โดดเด่นในสนามชนมากนัก นั่นก็เพราะว่าไก่เหล่าป่าก๋อยไม่ได้ถูกยกระดับการพัฒนาอย่างจริงจังเหมือนไก่พม่าที่มีกระแสนิยมดีกว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- แผลตีอันตราย การคัดไก่หนุ่ม 7 เดือนเพื่อดูแผลตี
- เกล็ดไก่ชนสำคัญแค่ไหน
- วิธีแก้ปัญหาไก่ชนทีมีขนาดโครงสร้างเล็ก
โดยเฉพาะเรื่องของแผลตี ที่เน้นตีเข้าจุดสำคัญๆ นั้นคือแผลหู ตา ที่ถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มีผลต่อการแพ้ชนะกันได้ในทุกสังเวียนการแข่งขัน ไก่เหล่าป่าก๋อยแม่จะมีเบอร์แข้งที่หนักหน่วง หรือที่หลายคนบอก ปากบอนฆ้อนหนัก กัดไม่เลือกที่ ตีไม่เลือกจุด ดูเหมือนจะเป็นข้อดี และก็กลายเป็นจุดเสียเปรียบได้เช่นเดียวกัน หากเจอกับไก่พม่าที่มีเชิงชนคมๆ ตีย้ำแผลเก่งๆ เน้นเฉพาะจุดสำคัญๆ ไก่เหล่าป่าก๋อยที่มุทะลุดุดันเดินเข้าหาไม่ระวัง ก็มีหวังแพ้ได้อย่างง่ายดาย หากจะยกระดับของไก่ชนเหล่าป่าก๋อยให้ทัดเทียมกับไก่พม่า จึงควรเน้นเหล่าป่าก๋อยที่มีทีเด็ด มีแผลหู แผลตา เหมือนกันกับไก่พม่ามากว่าที่จะเน้นเฉพาะแผลทุบที่สร้างความบอบช้ำเป็นหลัก ซึ่งหากการแข่งขันยังคงวัดกันด้วยเวลา ไก่เหล่าป่าก๋อยไม่พัฒนา แผลตีไก่พม่าจึงยังคงได้เปรียบในข้อนี้
ไก่เหล่าป่าก๋อยพัฒนายากกว่าจริงมั้ย หากลองนึกย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน เรามักจะได้ยินชื่อเสียงของไก่เหล่าป่าก๋อยว่าเป็นไก่ที่มีเชิงชนปากบอนฆ้อนหนัก และมักจะเอาชนะไก่พม่าอยู่เป็นประจำหากเมื่อต้องมาชิงชัยกัน ผลออกมาจะแพ้หรือชนะไก่พม่าก็มักจะเจ็บตัวและต้องพักฟื้นยาวๆ อยู่เสมอ แต่ปัจจุบันนี้ ไก่เหล่าป่าก่อยตัวเก่งๆ ที่จะทำให้ไก่พม่ากลัวหรือเจ็บตัวยาวๆ แบบเมื่อก่อน กลับมีจำนวนลดน้อยลงไปอย่างน่าตกใจ สังเกตุได้จากในหลายๆ สนามแข่งขันโดยเฉพาะไฟท์ใหญ่ๆ สำคัญๆ ไก่พม่ามักจะเป็นฝ่ายเอาชนะไก่เหล่าป่าก๋อยไปได้ง่ายๆ ซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากลองตั้งข้อสังเกตุส่วนนึงนั้น น่าจะเกิดจากการพัฒนาของไก่พม่าที่ทำได้ดีกว่าในระยะหลายปีมานี้ ส่วนไก่เหล่าป่าก๋อยเองนั้นการพัฒนาสายพันธ์ให้คงที่ทำได้ยากกว่า
นั่นอาจเพราะโดยธรรมชาติของไก่เหล่าป่าก๋อยแท้ๆ ที่หลายคนเข้าใจ มักจะมีจุดเด่นที่เป็นไก่เชิงปากบอน ตีหนัก ตีลำโต แต่ปัจจุบันความโดดเด่นเหล่านั้นกลับไม่ได้มีความชัดเจน และไม่ได้ทำให้ไก่พม่ากลัวหรือแพ้ได้อย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งก็คงต้องชื่นชมว่าคนพัฒนาไก่ชนสายพันธ์พม่าเอง เขาก็พัฒนาสายพันธ์อยู่ตลอดไม่หยุดนิ่ง นี้จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่สำคัญสำหรับคนรักไก่ชนเหล่าป่าก๋อย ที่จะต้องเร่งพัฒนาอย่างด่วน อย่าลืมว่าไก่ชนเหล่าป่าก๋อยนั้นจุดเริ่มต้นแท้ๆ มาจากความบังเอิน ของคนเลี้ยงไก่ชนรุ่นก่อน ที่เรียนรู้ ทดลองผิดถูก ผสมสายพันธ์เชิงตราด เข้ากับไก่ชนพันธ์พื้นเมืองของลำพูน จนได้ไก่ชนที่เก่งออกมา ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง และนิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย จนถูกตั้งชื่อให้เป็นเกียรติกับหมู่บ้าน “เหล่าป่าก๋อย” สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เกิดจาการพัฒนาทั้งสิ้น ผ่านไปหลายสิบปีสิ่งเหล่านี้ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะต้องถูกยกระดับการพัฒนาสายพันธ์อย่างจริงจัง ทีมงานไก่ชนออนไลน์เลยอยากฝากไว้เป็นข้อคิด ว่าการพัฒนาไม่ควรยึดติด เราถึงจะคิดสิ่งใหม่ๆ ได้เสมอ โชคดีมีไก่เก่งกันทุกคนครับ