หลังจากผ่านครึ่งปีมาแบบเหนื่อยกัน เจอทั้งภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาโรคระบาด และฟาร์มไก่ชนเล็กใหญ่ที่เกิดขึ้นมากมาย มีการผลิตไก่ชนออกสู่ตลาดมากมาย แต่จำนวนผู้ซื้อไก่ชนกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่คิด อาจจะด้วยสภาพของเศรฐกิจที่ต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง เมื่อจำนวนคนขายไก่ชน มีมากกว่าคนซื้อไก่ชน เพื่อแย่งชิงลูกค้าให้กลับมาซื้อไก่ชนของตัวเองมากที่สุด ฟาร์มใหญ่ๆ หลายแห่งจึงต้องเริ่มปรับตัวงัดไม้เด็จ เพื่อการอยู่รอดของธุรกิจฟาร์มไก่ชน ใช้การลดราคาขาย เพื่อเอากำไรน้อยลง เกิดสงครามราคา คือการแข่งขันกันลดราคาขายไก่ชนสายพันธ์ดีๆ ลงมา ทำให้กลุ่มผู้ซื้อหรือผู้ที่ต้องการไก่ชนสายพันธ์ดีไปเลี้ยงได้ประโยชน์ไปเต็มๆ จากการลดราคาขายในครั้งนี้
.jpg)
สงครามราคา เงินไม่หนาอย่ามาเสี่ยง
เคยจำกันได้มั้ยครับเมื่อปีที่แล้ว ตลาดกุ้ง เคฟิต ได้รับความนิยมเลี้ยงกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน บางคนตั้งตัวได้ เพราะลงทุนน้อยแต่ได้มาก แต่เมื่อเทรนมันเริ่มเปลี่ยน ความนิยมเริ่มลดลง การลดราคาจึงเป็นกลยุทที่คนขายนำมาใช้ เพื่อดึงลูกค้าจากคู่แข่ง สุดท้ายสู้กันไปมา แข่งกันด้วยเรื่องราคา เจ้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมาก็เจ๊งกันหมด
สงครามราคา สร้างความเสียหายสำหรับคนเลี้ยงไก่ชนขายด้วยกัน แต่คนซื้อจะได้ประโยชน์ เพราะจะแห่กันไปซื้อไก่ชนสายพันธ์ดีที่ราคาถูก เจ้าของซุ้มฟาร์มไก่ชนที่ตั้งราคาขายถูกอาจจะขายได้มากขึ้นแต่กำไรเท่าเดิม หรือน้อยลง ขึ้นอยู่กับราคาที่ลด ขณะที่ผู้ขายเจ้าอื่นๆ ราคาสู้ไม่ได้ยอดขายอาจลดลง จนอาจประสบภาวะขาดทุนหรือแย่สุดคือเลิกกิจการไป การใช้กลยุทธสงครามราคาสำหรับผู้เลี้ยงไก่ชนจำหน่าย จึงอาจจะสร้างความบอบช้ำเจ็บตัวให้กับผู้ที่ทำอาชีพในลักษณะเดียวกัน ขณะที่ผู้ซื้อสบายใจเพราะได้ของดีราคาถูก

ทางออกในกิจการหลายประเภทจึงเห็นการรวมตัวกันระหว่างผู้ขายเพื่อกำหนดราคาที่เป็นมาตรฐานรวมกัน ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกันจะได้ไม่แย่งลูกค้ากัน แต่ให้ไปแข่งกันที่คุณภาพของสายพันธ์ หรือความเก่งของไก่ชนแทน หรือการส่งเสริมการขายด้านอื่นๆ การใช้สงครามราคาจึงเป็นเรื่องที่คนเลี้ยงไก่ชน โดยเฉพาะซุมฟาร์มใหญ่ๆ จะต้องรอบคอบเรื่องนโยบายทางราคาอย่างระมัดระวัง แม้เกิดประโยชน์กับคนทุนน้อย และสามารถจับต้องได้จริง แต่ก็ควรคำนึงถึงผลที่จะกระทบจากการตั้งราคาขายที่ถูกลงอย่างรอบคอบที่สุด
