เมื่อวันที่ 4 ก.พ. หลังจากมีผู้โดยสารรถตู้ เส้นทางกรุงเทพ-ประจวบคีรีขันธ์ ได้โพสต์เฟสบุ๊คว่าได้โดยสารมากับรถตู้ขนไก่ชน ซึ่งจากนั้นก็มีชาวโซเชี่ยวเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันว่าลักษณะแบบนี้เหมาะสมหรือไม่ ที่ขนสัตว์ขึ้นรถตู้โดยสารปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นๆ
จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับเจ้าของคลิปดังกล่าว ระบุด้วยว่า เคยเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาถึง 2 ครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ถือว่าหนักมาก เพราะพบว่าในที่นั่งแถวหลังสุดมีหลังการวางลังไก่เต็มบริเวณ ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุงไปทั่วรถ ตนนั่งทนกลิ่นและเสียงของไก่ภายในลังมาจากกรุงเทพฯ มานานเกือบ 2 ชม. แต่ทนไม่ไหวจึงขอลงที่ จ.เพชรบุรี เพื่อหารถตู้โดยสารคันอื่นนั่งแทน เพราะกลัวติดโรคจากสัตว์ปีก และสงสัยว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่
ล่าสุด นายยุษฐิระ บัณฑุกุล ปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งจึงได้มอบหมายให้ นายสัตวแพทย์ สาโรช จันทร์ลาด หัวหน้าฝ่ายสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ ไปตรวจสอบที่ท่ารถตู้โดยสารที่บริเวณสี่แยกประจวบคีรีขันธ์ โดยพบรถตู้สายที่ 979 เส้นทางกรุงเทพ-ประจวบคีรีขันธ์ หมายเลขข้างรถ 979-26 ม.2 จ เลขทะเบียน ปข.10-0687 ตรงตามที่รับแจ้ง มาจอดที่ท่ารถ แต่ไม่พบกล่องกระดาษบรรจุไก่ ซึ่งคนขับรถปฏิเสธกับเจ้าหน้าที่ว่า ไม่รู้เรื่องและไม่ได้นำไก่ขึ้นรถแต่อย่างใด
“อาจเป็นไปได้ว่าเจ้าของไก่มารับระหว่างทางก่อนถึงประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ตามกฎหมายการเคลื่อนย้ายสัตว์ต้องได้รับอนุญาต และต้องตรวจหาเชื้อเป็นมาตรการเพื่อควบคุมโรค ตั้งแต่มีโรคไข้หวัดนกระบาด และการที่นั่งโดยสารมากับไก่ ซึ่งไม่มีทางรู้ว่าสุขภาพดีหรือไม่ อาจมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อจากสัตว์ปีกได้ และยิ่งอยู่ในห้องที่อากาศปิด ยิ่งทำให้เชื้อกระจายตัวได้ดี ซึ่งถือว่าอันตราย”
ด้านน.ส.ชุติมา ไทยเจียมอารีย์ ขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องดังกล่าวได้รับข้อมูลแล้ว และในวันจันทร์จะเรียกผู้ประกอบการ รถตู้โดยสารสาย 979 เป็นผู้ประกอบการรายหนึ่งในอำเภอกุยบุรี มาตักเตือนและทำการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายต่อไป
ที่มา : ข่าวสด https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_738216