ที่ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรีและคณะ ตรวจเยี่ยมโรงงานผลิต วัคซีนไข้หวัดนก/ไข้หวัดใหญ่ พร้อมเข้าเยี่ยมชมการทดสอบระบบการผลิตวัคซีนไข้หวัดนก/ไข้หวัดนกชององค์การเภสัชกรรม โดยมี นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี และคณะผู้บริหารองค์การเภสัชกรรม และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ
พลเรือเอกณรงค์ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ประกอบด้วยงานหลัก 2 ด้าน คือ ด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตวัคซีน และด้านการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีน โดยให้ดำเนินการคู่ขนาน และสอดคล้องกันไป โดยการก่อสร้างโรงงานได้รับอนุมัติงบประมาณ 1,411.7 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม มาตรฐาน WHO GMP ที่ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี จนถึงวันนี้การดำเนินการก่อสร้างตัวโรงงาน การติดตั้งระบบสนับสนุนต่างๆ เสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างการสอบคุณภาพ (Qualiflcation) รวมถึงเครื่องจักร เครื่องมือสำคัญ การผลิตได้ติดตั้งแล้ว
สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานต่อไป จะเป็นขั้นตอนของการสอนระบบต่างๆ อย่างเต็มรูปแบบทั้งระบบห้องผลิตและสนับสนุนการผลิต ระบบเครื่องจักรผลิต และกระบวนการผลิตให้ทำงานสอดประสานกัน เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพตามข้อกำหนดมาตรฐาน และนำไปทดสอบทางคลินิกระยะที่ 3 เพื่อเป็นข้อมูลขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาต่อไป และเมื่อโรงงานได้รับการตรวจรับรองมาตรฐานการผลิตที่ดี GMP (Good Manufacturing Practice) ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเร่งรัดแล้ว คาดว่าในปี 2562 ก็จะสามารถผลิตวัคซีนกระจายสู่ระบบสาธารณสุขระดับประเทศได้
นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องมีการลงทุนและแข่งขันสูง โรงงานแห่งนี้ ยังเป็นโรงงานขนาดเล็กเมื่อเทียบกับบริษัทวัคซีนขนาดใหญ่ทั่วโลก การเริ่มผลิตวัคซีนในช่วงแรกยังเป็นการผลิตด้วยกำลังการผลิตขั้นต่ำ แล้วค่อยๆ ขึ้น เพื่อความมั่นใจในด้านคุณภาพการผลิต ดังนั้นในช่วงต้นโรงงานจะต้องแบบรับกับปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูง และไม่สามารถแข่งขันกับตลาดได้ จึงจำเป็นที่จะต้องหากลไกมาช่วยแก้ไขปัญหานี้ เพื่อให้โรงงานสามารถดำเนินการได้ และเป็นหลักประกันความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศได้จริง โดยทั้งนี้จะได้ตั้งคณะทำงานเข้ามาศึกษาดูว่า รัฐต้องให้การสนับสนุนอย่างไรบ้าง
“ขอให้องค์การเภสัชกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันดำเนินการให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้ สามารถขึ้นทะเบียนและผลิตวัคซีนได้ในปี พ.ศ. 2562 เพื่อให้ประเทศมีความมั่นคงด้านวัคซีน ซึ่งมีความสำคัญต่อสุขภาพ และความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย สามารถผลิตวัคซีนทั้งในสถานการณ์ปกติและในภาวะฉุกเฉินที่เกิดการระบาดใหญ่ได้ พลเรือเอกณรงค์ กล่าว
นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้จะมีศักยภาพในการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล (Seasonal Influenza Vaccine) เริ่มต้นปีละ 2 ล้านโด้ส สามารถขยายกำลังผลิตได้ถึง 10 ล้านโด้ส ในกรณีเกิดการระบาดใหญ่ สามารถขยายกำลังการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ (Pandemic Influenza vaccine) ได้ปริมาณเพียงพอต่อการใช้ของประชากรในประเทศ และภูมิภาคอาเซียนด้วย
ทั้งนี้ในระหว่างนี้หากเกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกในประเทศ โรงงานต้นแบบทีมหาวิทยาลัยศิลปากร ในจังหวัดนครปฐม และองค์การฯ มีใบอนุญาตผลิตวัคซีนชนิดเชื้อเป็นเพื่อใช้ในการระบาดที่โรงงานต้นแบบนี้แล้ว ซึ่งถ้ามีเหตุฉุกเฉินขึ้นจริง ๆ องค์การฯ จะใช้โรงงานต้นแบบที่มหาวิทยาลัยศิลปากรผลิตวัคซีนชนิดเชื้อเป็นเพื่อใช้ควบคุมสถานการณ์ได้ แต่กำลังการผลิตไม่สูงมากนักประมาณ 2 แสนโด้สต่อเดือน จึงอาจต้องมีการพิจารณาให้กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงได้รับวัคซีนในช่วงแรก ๆ ก่อน ดังนั้นจึงเห็นว่าการเร่งรัดให้โรงงานวัคซีนที่สระบุรีนี้ความพร้อมในการผลิตวัคซีนให้ได้โดยเร็วที่สุดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะที่นี่เป็นโรงงานซึ่งมีกำลังการผลิตสูงในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งจะสามารถผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโรคในประชาชนได้ในวงกว้าง